ไชน์สต็อก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้( 1 มิ.ย.66) บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK จะกลับมาซื้อขายชั่วคราวเป็นระยะเวลา 1 เดือน ในช่วงวันที่ 1-30 มิ.ย.66 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) หลังมีการขึ้นเครื่องหมายห้ามซื้อหรือขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว (เครื่องหมาย SP) ครบกำหนด 3 เดือนแล้ว จึงจะมีการปลดเครื่องหมาย SP ชั่วคราวตั้งแต่ในวันที่ 1 มิ.ย.66 ขณะที่มุมมองเพจ ShineStock (ไชน์สต็อก) ได้เขียนระบุเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า จากสถานการณ์ที่ยังยืนยันของหน่วยงานตลาดหลักทรัพย์ฯที่จะปล่อยให้มีการเปิดซื้อ-ขายหุ้น STARK ในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่ได้ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP เนื่องจากบริษัทไม่สามารถส่งงบการเงินปี 2565 ได้ทันกำหนด ครบ 90 วัน จนหน่วยงาน สำนักงานก.ล.ต. ได้ออกมาไล่จี้ให้บริษัทจัดการทำการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) เมื่อเย็นวันที่ 17 พ.ค.2566 ซึ่งเหลือเวลาไม่เกิน 10 วันทำการ ก่อนที่จะมีการกำหนดให้เปิดเทรดได้ตามเงื่อนไข การถูกขึ้นเครื่องหมาย SP ระยะเวลา 90 วัน (1มิ.ย.) ประเด็นคำสั่งของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ต้องการให้STARKเคลียร์งบให้จบก่อนที่จะกลับมาเทรด ภายใน 10 วันทำการ ถือว่าเป็นเรื่องค่อนข้างยากในความเป็นจริง และค่อนข้างฉุกละหุก ทำให้บริษัทต่อรอง กลับมาว่า จะขอเลื่อนการส่งผลการตรวจสอบพิเศษนี้ (Special Audit) ไปเป็นวันที่ 16 มิ.ย.2566 ซึ่งถือว่าไม่ได้มีความหมายอะไรเลยกับการที่ผู้ถือหุ้นSTARK จะได้รับการคุ้มครอง จากความเข้มงวดของก.ล.ต.ที่ให้ตั้ง special audit ครั้งนี้ “การกระทำที่ดูเหมือนจะมีประโยชน์ ของก.ล.ต.” ในฐานะผู้กำกับและดูแล ความมีธรรมภิบาลของบริษัทจดทะเบียน กลับกลายเป็น “การกระทำที่มีแต่ความเปล่าประโยชน์” ของ ก.ล.ต. ที่อุตส่าห์ออกมาเทกแอคชั่น ที่จะปกป้อง ผู้ลงทุนจากการมีแนวโน้มที่จะฉ้อฉลของผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียนโดย “ยอมรับเงื่อนไขการส่งงบแบบตรวจสอบพิเศษ ออกไปอีก 1 เดือน “ ขออธิบายเพิ่มเติมว่า “การยอมรับเงื่อนไข การส่งงบแบบตรวจสอบพิเศษ” ทางก.ล.ต.ไม่ได้ออกมายอมรับการส่งงบในวันที่ 16 มิ.ย. แต่ไม่ได้มีการแย้งเงื่อนไขข้อนี้ของบริษัทแต่อย่างใด ในทางกลับกัน ฝ่ายดูแลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็ยอมปล่อยให้หุ้น STARK กลับมาเทรดได้ โดยที่”ใช้ความคิดแบบหัวสี่เหลี่ยม” ที่จะต้องทำตามกฎเกณฑ์ ให้เปิดเทรดกับหุ้นที่ถูกSP เป็นระยะเวลา 90 วัน โดยไม่สนใจว่าผู้ถือรายย่อยจะต้องไปเผชิญหน้ากับความมืดดำของงบการเงินที่มีปัญหาแค่ไหน โดยกฎการเปิดเทรดหลังหุ้นถูก SP ข้อนี้มีอิทธิพลที่มากกว่า และทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็ยอมให้ “ความไม่โปร่งใสที่มีนัยสำคัญของ STARK ที่ยังไม่สามารถเปิดเผยสาธารณชน” ปล่อยผ่านไปได้ โดยอ้างว่า หุ้นSTARK ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP มาครบ 90 วันแล้ว กฎข้อนี้ใหญ่กว่า “กฎการเปิดเผยข้อมูลให้ครบถ้วนและเท่าเทียม” รู้สึกงงมาก ถ้ายังไม่มีการพิจารณา ยกเลิกการเปิดเทรดหุ้น STARK จนกว่า special audit จะแล้วเสร็จ และเผยแพร่ข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอนาคตเราจะต้องเจอกับ ฝ่ายกำกับและดูแลตลาดหุ้นทั้งสองหน่วยงานแบบนี้จริงๆหรือ!? ไม่อยากจะคิดเลยว่า การเปิดเทรดหุ้นSTARK ในวันพรุ่งนี้(1 มิ.ย.) โดยที่ยังไม่มีความชัดเจนแบบนี้ ใครได้ประโยชน์ที่สุด ซึ่งแน่นอนเลยว่า คงไม่ใช่นักลงทุนรายย่อย อย่างแน่นอน ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า ทางการกำลังรักษา หรือปกป้อง ผลประโยชน์ของใครอยู่ เพราะหน้าที่ คือ ปกป้อง นักลงทุนรายย่อยไม่ใช่หรือ!??