Advice IT Expo

นายณัฏฐ์ ณัฐนิธิการัชต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ ADVICE เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อน จากยอดคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ใช้งานกับการคำนวนด้วยหน่วยประมวลผลประสาทเทียม หรือ Neural processing unit (NPU) ซึ่งปัจจุบันมีออกวางจำหน่ายแล้ว และในช่วงครึ่งปีหลังก็มี Notebook AI ที่จะออกมา โดยมองว่าในครึ่งปีหลังจะมีสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่เข้ามาเป็น CPU ที่ประมวลผลด้วยระบบ AI เป็นตัวเสริมที่จะทำให้ภาพรวมตลาดไอทีครึ่งปีหลังมีความคึกคักมากขึ้น รวมถึงความคืบหน้าหลังจากที่บริษัทได้เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้า Apple อย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ iStudio by Advice ได้ร่วมกับทาง Apple ในวางแผนการเปิดร้านสาขา โดยมีกรอบข้อตกลงที่ต้องเปิดจำนวน 10 แห่งให้ได้ภายในเดือน ต.ค. 2567 ลักษณะเป็นร้านค้าแบบ Stand alone ในพื้นที่ต่างจังหวัดทั้งหมด คาดว่าจะใช้งบลงทุนรวมเงินทุนหมุนเวียนสาขาละไม่เกิน 4 ล้านบาท ทั้งนี้ ในส่วนแผนการตลาดปีนี้บริษัทได้ขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาดผ่าน “Advice Mega Campaign" โดยได้มีการจัดกิจกรรม Advice IT Expo ซึ่งจากช่วงกิจกรรมที่ผ่านมาในเฟสแรกได้รับการตอบรับที่ดี สำหรับกิจกรรม Advice IT Expo แบ่งเป็น 4 เฟส ตั้งแต่วันที่ 6-31 มี.ค. 2567 ในสาขาแอดไวซ์ที่ร่วมรายการ 160 สาขาทั่วประเทศ และบนออนไลน์ที่ https://itexpo.advice.co.th/ เชื่อว่ากิจกรรมดังกล่าวจะช่วยหนุนยอดขายในครึ่งปีแรกนี้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ดี หลังจากที่ ADVICE ได้ทำการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) แล้ว มีการนำเงินส่วนหนึ่งไปชำระคืนหนี้ทั้งหมดที่มีต่อสถาบันการเงิน ส่งผลให้ปัจจุบันไม่มีหนี้สิน และมีกระแสเงินในมือเพียงพอที่จะนำไปบริหารจัดการ โดยขณะนี้บริษัทสามารถจัดซื้อสินค้าด้วยเงินสด ทำให้บริษัทได้ส่วนลดจากคู่ค้าส่งผลดีต่ออัตรากำไรให้ดีขึ้นด้วย ส่วนการลงทุนขยายสาขาก็ยังมีการทยอยดำเนินการตามแผนที่วางไว้ นอกจากนี้แผนการขยายสาขาเฟรนไชส์ในสปป.ลาว ขณะนี้มี 25 สาขา ใน 11 แขวง บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อเข้าไปตั้งบริษัทย่อยในสปป.ลาวเพื่อบริหารจัดการสาขาต่าง ๆ รวมถึงมองหาโอกาสทางธุรกิจในอนาคต เช่น อาจจะหารือกับทาง Apple เพื่อเข้าไปตั้งร้าน iStudio by Advice ในลาวเป็นรายแรก เป็นต้น สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทกำไรสุทธิ 170.25 ล้านบาท ลดลง 17.22% เทียบกับปีก่อน และมีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 13,518.71 ล้านบาท ลดลง 6.04% จากปีก่อน โดยผลประกอบการที่ลดลงสาเหตุหลักมาจากภาพรวมตลาดสินค้าไอทีชะลอตัวลง เนื่องจากความต้องการสินค้ามีสูงมากในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผู้บริโภคซื้ออุปกรณ์ไอทีกันเป็นจำนวนมากเพื่อรองรับการเรียนและการทำงานในรูปแบบทางไกล และหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ลดน้อยลง จนผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านไอที และนวัตกรรมมีการชะลอการเติบโตจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ดีมานด์ถูกเร่งให้โตสูงขึ้นจากความจำเป็นในการใช้งานกับรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งการเรียนและการทำงาน ส่งผลให้ปี 2566 การขยายตัวของตลาดมีสัดส่วนที่น้อยลง ส่งผลให้กำลังซื้อสินค้าที่เคยมีในช่วงโควิดลดลงเช่นกัน.