AIM

ช่วงระหว่างรอร๊อรอบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA จะประกาศงบปี 2565 ซึ่งไม่รู้ว่าจะปังหรือแป้กนั้น..? แต่ถ้าเทียบเคียงจากผลงานของบริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL ซึ่งเป็นหุ้นเดินเรือตัวแรกที่ประกาศงบปี 2565 ถือว่าทำได้ดี โชว์กำไรสุทธิ 4,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% เมื่อเทียบปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 4,474 ล้านบาท ก็พออนุมานได้ว่า งบ TTA ไม่น่าจะแย่ล่ะมั้ง..?? แต่ระหว่างนี้ TTA ก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ไล่มาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ที่ชื่อ บริษัท พี 80 เจ็ท จำกัด (P80J) ทุนจดทะเบียน 250 ล้านบาท เพื่อรุกสู่ธุรกิจให้เช่าเครื่องบินเหมาลำ โดยคาดว่าน่าจะเป็นตลาดคนรวย ซึ่งมีทั้งไฮโซ นักธุรกิจ นักการเมือง และดารา ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการเดินทาง จากนั้นปลายปี 2565 ประกาศให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับบริษัทลูกที่ชื่อ บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือ MML (ถือหุ้น 58.22%) ซึ่งทำธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่ง ด้วยการปล่อยกู้ 2 ก้อน แบ่งเป็นก้อนแรกจำนวน 139.60 ล้านบาท คิดดอกเบี้ย 7% ต่อปี ระยะเวลา 12 เดือน ส่วนอีกก้อน ปล่อยกู้ 252.72 ล้านบาท คิดดอกเบี้ย 7% ต่อปี ระยะเวลา 2 ปี ซึ่งถ้าดูจากงบการเงิน ณ สิ้นไตรมาส 3/2565 ที่มีกระแสเงินสดล้นมือกว่า 10,976 ล้านบาท ก็ไม่น่าแปลกใจที่ TTA จะสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการนำเงินบางส่วนไปปล่อยกู้ให้บริษัทลูก แล้วนอนกินดอกเบี้ย 7% ต่อปี ก็มันดีกว่าไปฝากแบงก์เห็น ๆ... ตามด้วยการส่งบริษัทลูกที่ชื่อ บริษัท วี เวนเจอร์ส เทคโนโลจีส์ จำกัด (VVT) ไปจับมือกับบริษัท อัลทรอน เอเซีย จำกัด ตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ บริษัท วีสมาร์ท ซิตี้ จำกัด (VSC) มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท เพื่อทำธุรกิจให้คำปรึกษาทางด้านซอฟต์แวร์ โดย VVT ถือหุ้น 65% และบริษัท อัลทรอน เอเชีย ถือหุ้น 35% ขณะที่ ความเคลื่อนไหวล่าสุด ส่งบริษัท เอเชีย อินฟราสตรักเชอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AIM (ถือหุ้น 89.40%) ไปบุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ประเทศกัมพูชา ด้วยการตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท เอเชีย อินฟราสตรักเชอร์ (กัมพูชา) จำกัด (AIC) มีทุนจดทะเบียน 20 ล้านเรียลกัมพูชา โครงสร้างการถือหุ้น แบ่งเป็น AIM ถือ 49%, Mr.Yun Buncin ถือ 49% และ Mr.CheaSochitra ถือ 2% เท่ากับว่า TTA กำลังลอยเรือไปเทียบท่าที่กัมพูชานะเนี่ย..!! แต่ที่น่าสนใจ TTA ซึ่งโตมาจากธุรกิจเดินเรือ ก่อนที่จะขยายไปสู่ธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง ซึ่งทำควบคู่กันมานาน จนกระทั่งมีการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ มีทายาทเนสกาแฟ หรือ “กลุ่มมหากิจศิริ” เข้ามาครอบครอง TTA ก็เริ่มขยับไปลงทุนในธุรกิจปุ๋ย หรือเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร รวมทั้งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม..ทำให้โครงสร้างรายได้ของ TTA เริ่มเปลี๊ยนไป๋... แล้วตอนนี้ยิ่งชัดมากขึ้น หลังจากขยับขยายไปสู่ธุรกิจเช่าเครื่องบินเหมาลำ ธุรกิจด้านซอฟต์แวร์และธุรกิจอสังหาฯ ในกัมพูชา ทำให้ปัจจุบัน TTA สามารถหากินได้ครอบคลุมทั้งในน้ำ บนบก และบนฟ้า..!! จากปรากฏการณ์เรือแตกลำของ TTA ก็น่าติดตามว่า จะซักเซสมากน้อยแค่ไหน..? แต่คงไม่ใช่เรือล่มปากอ่าวหรอกนะ..!! ...อิ อิ อิ...