AISสปอนเซอร์หลัก

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (22 เม.ย.68) ราคาหุ้นบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ณ เวลา 10:26 น. อยู่ที่ระดับ 1.45 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 3.57% สูงสุดที่ระดับ 1.46 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.41 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 17.33 ล้านบาท ด้านบริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO ราคาหุ้น ณ เวลา 10:28 น. อยู่ที่ระดับ 1.38 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 6.15% สูงสุดที่ระดับ 1.38 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.31 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 22.03 ล้านบาท ด้ายผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 23 เมษายนนี้ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS เตรียมเปิดตัวผู้สนับสนุนหลัก (Main Sponsor) การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก (EPL) และเอฟเอคัพ เป็นระยะเวลา 6 ฤดูกาล โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ของประเทศไทย สำหรับจุดที่น่าสนใจคือ ADVANC จะให้การสนับสนุนทางการเงินปีละ 1,000 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งค่าลิขสิทธิ์ของ JAS และงบการตลาดของบริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO จากกรณีความร่วมมือกับ AIS ในครั้งนี้ ผู้บริหาร JAS คาดว่าจะมีการลดค่าธรรมเนียมสมาชิกรายเดือนสำหรับทุกแมตช์การถ่ายทอดสด จาก 429 บาท เหลือ 329 บาท โดยประเมินว่าจะเพิ่มเป้าหมายจำนวนสมาชิกปีแรกจาก 1-1.5 ล้านราย เป็น 2-2.5 ล้านราย โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะมีช่องทางการสมัครสมาชิก 2 ช่องทาง ได้แก่ MonoMax และ AIS Play กลุ่ม Exclusive Partner ของ JAS จะประกอบด้วยแบรนด์ในกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (เบียร์), ยานยนต์ (รถจักรยานยนต์), และพลังงาน ส่วนกลุ่มพันธมิตรสื่อ (Media Partner) ได้ข้อสรุปแล้วว่าจะมีความร่วมมือกับสื่อหลากหลายประเภท ได้แก่ ป้ายโฆษณา, สำนักข่าว, สถานีโทรทัศน์, โรงภาพยนตร์ และสื่อในช่องทางอื่น ๆ เพิ่มลูกค้ามือถือ-เน็ตบ้านล้านราย นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) มองว่าความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นผลดีต่อ ADVANC ซึ่งเกิดจากการนำเสนอ Premier League รวมกับแพ็กเกจเดิมของเอไอเอสที่มีอยู่แล้ว ทั้งการถ่ายทอดการแข่งขันกอล์ฟ การรับชมภาพยนตร์เน็ตฟลิกซ์ เป็นต้น ในราคาที่น่าสนใจ ดึงดูดลูกค้าใหม่มาใช้บริการโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตบ้านของ AIS มากขึ้นจากฐานลูกค้าพรีเมียร์ลีก ทั้งนี้ ประเมินว่าจะมีผู้ใช้งานใหม่เข้ามาประมาณ 1 ล้านราย ในกลุ่มโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตบ้าน ขณะที่ตลาดผู้สนใจพรีเมียร์ลีกในประเทศไทยคาดการณ์อยู่ที่ประมาณ 6 ล้านราย อาจมีผู้ใช้งานใหม่ หรือผู้ที่ไม่ได้สมัครรับชมมาก่อนหันมาสนใจรับชม เนื่องจากราคาค่าบริการที่ลดลงประมาณ 300 กว่าบาทต่อเดือน สำหรับข้อมูลจำนวนผู้ใช้บริการมือถือและอินเทอร์เน็ตบ้านของ AIS (ณ เดือนธันวาคม 2567) สำหรับผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือมีจำนวนผู้ใช้บริการรวม 45.8 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1.1 ล้านเลขหมาย ขณะที่ มีจำนวนผู้ใช้บริการ 5G กว่า 12 ล้านเลขหมาย คิดเป็น 26% ของฐานผู้ใช้ทั้งหมด และเพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับปี 2566 โดยเครือข่าย 5G ของ AIS ครอบคลุมประชากรไทยมากกว่า 95% ด้านผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตบ้าน (AIS 3BB Fibre) จำนวนผู้ใช้บริการรวม 5 ล้านราย เพิ่มขึ้น 243,000 ราย จากปีที่ผ่านมา โดย AIS ครองส่วนแบ่งตลาดบรอดแบนด์คงที่อยู่ที่ประมาณ 46% ส่วนแผนการขยายในปี 2568 ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการเป็น 5.3 ล้านราย ภายในสิ้นปี ขณะเดียวกัน ก็ยังส่งผลดีต่อทั้ง JAS และ MONO ในแง่ของรายได้จากสปอนเซอร์จาก AIS ประมาณปีละ 1,000 ล้านบาทโดยตรง ซึ่งเป็นรายได้เพิ่มเติมจากค่าสมาชิกตามปกติ รวมทั้งยังช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานให้มากขึ้น โดยรูปแบบความร่วมมือที่เป็นไปได้กับ AIS ผ่านทางช่องรายการบน AIS Playbox อาจมีการนำช่อง Premier League ของ MONO ไปอยู่ในกล่อง AIS Playbox โดยเสนอแพ็กเกจราคาพิเศษสำหรับลูกค้า AIS ลูกค้า AIS อาจได้รับแพ็กเกจ Premier League ในราคาที่ถูกกว่า คาดว่าจะมีกิจกรรมหรืออีเวนต์ต่าง ๆ ร่วมกัน เช่น ลูกค้า AIS อาจได้รับโอกาสในการชม Premier League หรือมีแพ็กเกจพิเศษที่เกี่ยวข้อง นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด ยังคงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น ADVANC ที่ราคาเป้าหมาย 294 บาท JAS เป้าสมาชิกพุ่ง 2.5 ล้านราย นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) มีมุมมองเชิงบวกต่อ JAS จากประเด็นเปิดตัว ADVANC ในฐานะพันธมิตรโทรคมนาคมหลักอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 เม.ย. งบประมาณสนับสนุนสำหรับฤดูกาลแรกอาจสูงถึง 1,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินอุดหนุนค่าธรรมเนียม สิทธิพิเศษ ฯลฯ ขณะเดียวกัน JAS อยู่ระหว่างการเจรจาขั้นสุดท้ายกับพันธมิตรอีกหลายราย เช่น สื่อ ตัวแทนจำหน่าย แบรนด์สินค้า ฯลฯ ซึ่งน่าจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของตลาดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการลงทุนพรีเมียร์ลีก (EPL) และเอฟเอคัพ เป็นเวลา 6 ปี สิ่งที่ตลาดให้ความสนใจคือ มีผู้สนับสนุนหลักพร้อมสนับสนุนเงินถึงปีละ 1,000 ล้านบาท ทำให้ JAS และ MONO จะสามารถประหยัดต้นทุนได้มากกว่าที่คาดไว้ ขณะเดียวกันการเตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยีก็ทำได้ในระดับที่น่าพอใจ ผู้บริหาร JAS มีความมั่นใจมากขึ้น สังเกตได้จากการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเรื่องจำนวนสมาชิก 3 ล้านราย ซึ่งอาจมี upside จากประมาณการอีกด้วย โดยได้ตัดสินใจที่จะลดค่าธรรมเนียมสมาชิกรายเดือนสำหรับทุกแมตช์ จาก 429 บาท เหลือ 329 บาท และเพิ่มเป้าหมายจำนวนสมาชิกปีแรกจาก 1-1.5 ล้านราย เป็น 2-2.5 ล้านราย ผู้บริหารยังมั่นใจว่า JTS (ซึ่ง JAS ถือหุ้นอยู่ 64%) จะได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นกู้ในเงื่อนไขใหม่ที่เสนอ โดยผู้บริหารกล่าวว่าสถานการณ์ตลาดการเงินในปัจจุบันผ่อนคลายลงมากเมื่อเทียบกับวันครบกำหนดชำระคืนหุ้นกู้ในวันที่ 8 เม.ย. จากเหตุแผ่นดินไหวในวันที่ 28 มี.ค. ตามมาด้วยมาตรการตอบโต้ทางภาษีของสหรัฐฯ ในวันที่ 3 เม.ย. MONO พลิกกำไร บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด คาดว่าในปี 2568 ผลประกอบการ MONO จะพลิกมีกำไร 191 ล้านบาท หากเป็นไปตามสมมติฐานสมาชิก 2 ล้านราย ขณะที่ค่าบริการสมาชิกรายเดือนสำหรับการชมถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก (EPL) และเอฟเอคัพทุกแมตช์ มีแนวโน้มจะอยู่ที่เดือนละ 300 บาทต้น ๆ สอดคล้องกับแผน (ไม่เกิน 400 บาท) ซึ่งจะต่ำกว่าผู้ให้บริการปัจจุบันเกือบ 50% และราคายังใกล้เคียงกับชมผ่านช่องทางผิดกฎหมายมาก ขณะที่ ผู้บริหารตั้งเป้าสมาชิก 3 ล้านราย (สมมติฐาน 2 ล้านราย) จากขนาดตลาด 6.4 ล้านราย สำหรับอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ของ JAS ยังอยู่ในระดับสูงถึง 5.3 เท่า และส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำเพียง 428 ล้านบาท ผู้บริหาร JAS คาดว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ฐานทุนจะเพียงพอรองรับได้ก่อนที่รายได้จะเริ่มเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 3/2568 ตามจำนวนสมาชิกที่เติบโต ขณะที่สถาบันการเงินได้แสดงความเชื่อมั่นในโครงการนี้ และได้ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปแล้ว “สิ่งที่ตลาดคาดการณ์ว่า Main Sponsor พร้อมสนับสนุนถึงปีละ 1,000 ล้านบาท ทำให้ JAS และ MONO จะประหยัดต้นทุนได้มากกว่าคาด ขณะที่การเตรียมงานทำได้น่าพอใจ ส่วนผู้บริหารดูมีความมั่นใจมากขึ้น เห็นได้จากการวางเป้าที่ชัดเจน 3 ล้านคนอีกด้วย เสมือนว่าอาจมี upside จากประมาณการของเรา” สำหรับการเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของ AIS ในครั้งนี้ จะทำให้ต้นทุนด้านการตลาดของ MONO ต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ ขณะเดียวกัน JAS ก็สามารถลดต้นทุนค่าลิขสิทธิ์ลงได้ประมาณ 20–30% จากเดิมที่ต้องจ่ายปีละ 3,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี โครงการนี้จะเริ่มเห็นผลในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตาม จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับสูง ทั้งนี้ ระบบถ่ายทอดสดมีความพร้อมแล้วกว่า 80% โดยทุกขั้นตอนมีระบบสำรองรองรับ ได้แก่ จานรับสัญญาณดาวเทียมจากต่างประเทศ 2 แห่ง, ระบบเชื่อมต่อ (Link) ไปยังเซิร์ฟเวอร์ในประเทศสิงคโปร์ 2 เส้นทาง รวมถึงระบบคลาวด์สำหรับบริหารจัดการคอนเทนต์ โดยใช้บริการหลักจาก Amazon Web Services (AWS) และได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจาก Huawei และ Akamai Technologies ในด้านช่องทางการรับชมแบบสตรีมมิง แอปพลิเคชัน MonoMax ได้มีการติดตั้งร่วมกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือและโทรทัศน์เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังสามารถใช้งานผ่านกล่องแอนดรอยด์ (Android Box) ได้ทันที โดยสามารถดาวน์โหลดแอปฯ MonoMax เพื่อรับชมคอนเทนต์ได้อย่างสะดวกสบาย