Bernstein

หลังจากงบไตรมาส 2/67 ออกมา สูงกว่าประมาณการทั้งรายได้รวมและกำไรสุทธิ (พ่วงคาดการณ์ตัวเลขอนาคต สูงกว่าที่ตลาดวอลล์สตรีทคาดไว้) พร้อมออกโครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ราคาหุ้น Nvidia ปรับตัวลงกว่า 7% โดย Nvidia การเติบโตขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) จนเป็นหุ้นที่มีมูลค่าตลาด (มาร์เก็ตแคป) 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 102 ล้านล้านบาท) สูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกือบ 9 เท่า นับตั้งแต่สิ้นปี 2565 และมีมูลค่าตลาดแซงหน้าบริษัทมหาชนทุกแห่งยกเว้นเพียงแอปเปิล (Apple) ก่อนหน้านี้สามารถแซงหน้า Apple เป็นเวลาหนึ่งช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา โดยงบไตรมาส 2/67 ที่ผ่านมา Nvidia มีรายได้กว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1 ล้านล้านบาท) เติบโตของรายได้ 122% กำไรสุทธิ 16,600 ล้านบาท แต่ล่าสุด Nvidia ระบุว่า ยอดขายช่วงปัจจุบันเพิ่มขึ้นประมาณ 80% มาที่ประมาณ 32,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.1 ล้านล้านบาท) ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินว่ารายได้จะอยู่ที่ใกล้เคียง 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ Stacy Rasgon นักวิเคราะห์จากเบอร์นสไตน์ (Bernstein) ระบุว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญในตลาด ประเมินตัวเลขรายได้ไว้ที่ 33,000-34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นั่นทำให้ราคาหุ้น Nvidia ปรับตัวลดลง เนื่องจากตัวเลขคาดการณ์รายได้ของบริษัทออกมาต่ำกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญหวังไว้ อย่างไรก็ดีไม่มีสัญญาณว่าความต้องการหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ของ Nvidia ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลัก ในการพัฒนาและใช้งานโมเดล AI กำลังลดลง ขณะที่มีความต้องการอีกมากและบริษัทเร่งจัดจำหน่ายชิ้นส่วนอุปกรณ์ทุกอย่างที่สามารถขายได้ ขณะที่ Nvidia คาดว่าจะส่งมอบรายได้ของ Blackwell มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่วงไตรมาส 3/67 โดย Blackwell เป็นเทคโนโลยีรุ่นล่าสุดของบริษัทต่อจาก Hopper มีความกังวลบางประการว่า Blackwell จะผลิตสำเร็จได้ล่าช้าออกไป ทั้งนี้ CFO ของ Nvidia ยืนยันว่า “อุปทานและความพร้อมจำหน่ายนั้นดีขึ้น” แต่ว่า “ความต้องการของแพลตฟอร์ม Blackwell สูงกว่าอุปทานมากและจะยังเพิ่มขึ้นช่วงปีหน้า” ด้วย หุ้น Nvidia บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้นำด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังกลายเป็นหุ้นที่สำคัญสุดในโลก และทำให้นักลงทุนมีความคาดหวังกับผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 นักวิเคราะห์จาก LSEG คาดว่า Nvidia จะเติบโตต่อเนื่อง 3 หลักติดต่อกัน 4 ไตรมาส โดยคาดว่าจะเติบโต 112% ถือว่าสูงมาก แต่เป็นอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs กังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนของการลงทุนในเทคโนโลยีระดับสูง (ไฮเปอร์สเกล) เนื่องจากอัตราการเติบโตรวดเร็วช่วงที่ผ่านมา ปรากฏการณที่เกิดขึ้นกับหุ้น Nvidia ดังกล่าว กำลังบ่งบอกและสะท้อนของ “ความหวังสูง” จากนักลงทุน จนทำให้เกิดแรงซื้อเก็งกำไรกับผลประกอบการ แต่เมื่อตัวเลขออกมาชัดเจน แม้ว่ามีการเติบโตมากกว่าเท่าตัว แต่ดูเหมือน “ไม่ได้ดั่งใจ” นักลงทุนที่หวังผลสูง ราคาหุ้น Nvidia จึงลงเอยอย่างที่เห็นนั่นเอง..!!?? เล็กเซียวหงส์