EMS business

คุณค่าบริษัท บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FORTH ถือเป็นหนึ่งหุ้นผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดก็คาดว่าทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังยังสามารถเติบโตต่อได้ไม่ยาก หลังจากที่บริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่าราว 2,300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงที่เหลือของปีนี้เกือบทั้งหมด สิ่งสำคัญ บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง มูลค่ารวมราว 9,700 ล้านบาท รวม 17 โครงการ โดยบริษัทคาดหวังจะได้งานไม่ต่ำกว่า 70% ของมูลค่างานทั้งหมด แบ่งเป็นโครงการจากหน่วยงานการไฟฟ้า โครงการจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทยและกระทวงอุดมศึกษา หน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานสังกัดกระทรวงยุติธรรม ที่จะเข้ามาเสริมการเติบโตของบริษัทในช่วงที่เหลือของปีนี้ ขณะที่ธุรกิจตู้ชงเครื่องดื่มอัตโนมัติ “เต่าบิน” ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่บริษัทได้เริ่มทำในปี 2564 มีจุดเด่นที่รสชาติและคุณภาพกาแฟสดที่บริษัทเลือกใช้ในราคาที่จับต้องได้ (เฉลี่ยราว 30 บาทต่อแก้ว) และมีเมนูให้เลือกหลากหลายกว่า 100 เมนู ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนตู้ให้บริการราว 100 ตู้ และยอดขายเฉลี่ยต่อตู้อยู่ที่ 50 แก้วต่อวัน โดยบริษัทตั้งเป้ามีเต่าบินครบ 20,000 ตู้ในปี 2566 อย่างไรก็ตาม ทางนักวิเคราะห์ บล.เคทีบีเอสที ประเมินว่าเต่าบินเริ่มสร้างกำไรอย่างมีนัยสำคัญที่ราว 200 ล้านบาทในปี 2565 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการ rollout ในอนาคต สามารถทำกำไรของบริษัทให้กลับมาเติบโตโดดเด่นอีกครั้ง หลังส่วนธุรกิจ Smart Services มีแนวโน้มทำรายได้ในลักษณะประคองตัวในระยะหลัง ส่วนรายได้ของ EMS business ปรับตัวขึ้นโดดเด่นในปี 2564 ราว 70% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการได้งาน ลูกค้าในอุตสาหกรรม EV มูลค่าราว 40 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี แม้เป็นสัญญาปีต่อปี แต่จากคุณภาพงานและการส่งมอบที่ตรงเวลา ซึ่งเชื่อมีโอกาสสูงที่บริษัทจะได้การ recontract ต่อเนื่อง และรักษาระดับรายได้ในอนาคต ในขณะที่ ES business แนวโน้มสดใสจาก backlog ในปัจจุบันกว่า 2.3 พันล้านบาท คาดกว่า 50% รับรู้รายได้ในครึ่งหลังของปี 2564 ส่วนรายได้ครึ่งแรกปี 2564 อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท และ potential projects ที่จะเข้าประมูลอีกกว่า 9.3 พันล้านบาท หากสำเร็จจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในปี 2565 เป็นต้นไป มีโอกาสสูงมากที่จะรักษาระดับรายได้ที่ราว 2.4 พันล้านบาทต่อปีไว้ได้ ทั้งนี้ ประเมินกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 730 ล้านบาท และในปี 2565 อยู่ที่ 969 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 49% สำหรับในปี 2564 มาจาก EMS business ซึ่งได้งานจากลูกค้า EV มูลค่าราว 40 ล้านเหรียญสหรัฐ ทยอยรับรู้เข้ามา ขณะที่ปี 2565 มาจาก Smart Services business ในส่วนของตู้เต่าบิน เริ่มสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเชื่อว่าบริษัทสามารถทำได้ตามเป้า มีจำนวนตู้ในระดับ 10,000 ตู้ได้ภายในสิ้นปี ดังนั้น ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 20.00 บาท .... ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ นายพงษ์ชัย อมตานนท์ 366,744,400 หุ้น 38.20% นางรังษี เลิศไตรภิญโญ 59,465,500 หุ้น 6.19% นายแกลิก อมตานนท์ 57,924,000 หุ้น 6.03% นายบุญยงค์ นินเนินนนท์ 41,785,898 หุ้น 4.35% นางวันทนา อมตานนท์ 34,089,600 หุ้น 3.55% รายชื่อกรรมการ นายสนิท วรปัญญา ประธานกรรมการ, กรรมการอิสระ นายพงษ์ชัย อมตานนท์ ประธานกรรมการบริหาร, กรรมการ นางรังษี เลิศไตรภิญโญ กรรมการ นายแกลิก อมตานนท์ กรรมการ นางมาทินี วันดีภิรมย์ กรรมการ