EU ขึ้นภาษี EV

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(5ก.ค.67) ราคาหุ้นบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ณ เวลา 10:37 น. อยู่ที่ระดับ 45.75 บาท บวก 2.25 บาท หรือ 5.17% ราคาสูงสุด 46.00 บาท ราคาต่ำสุด 43.75 บาท ด้วยมูลค่า 588.15 ล้านบาท ด้านบล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(5 ก.ค.67) ว่า สหภาพยุโรปจะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศจีนเป็นการชั่วคราว (เริ่ม 5 ก.ค. ถึง ต.ค.67) ภาษีสูงสุดที่อัตรา 17.4% ถึง 37.6% โดยมีอัตราภาษีแตกต่างกันในแต่ละแบรนด์ โดย BYD เรียกเก็บภาษี 17.4% , Geely เก็บ 19.9% และ และเอ็มจี (MG) ของบริษัทเอสเอไอซี (SAIC) ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐต้องจ่าย 37.6% ส่วนผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติตะวันตก Tesla และ BMW จะต้องเสียภาษี 20.8% ขณะที่บริษัทที่สหภาพยุโรปเห็นว่าไม่ให้ความร่วมมือในการสอบสวนต้องจ่าย 37.6% โดย KSS ประเมินเป็นข่าวเดิมที่ตลาดรับรู้ไปแล้วผลกระทบกับการลงทุนในตลาดคาดว่าจะเป็นไปอย่างจำกัด อย่างก็ตามนโยบายการปกป้องอุตสาหกรรมรถยนต์ในยุโรปดังกล่าวจะส่งผลบวกโดยตรงต่อ KCE เนื่องจากมีฐานลูกค้าอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ในยุโรปเป็นลูกค้าหลัก บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กำไรของ KCE ไตรมาส 2/67 มีทิศทางฟื้นตัวได้ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบไตรมาสก่อนหน้าจากการรับรู้รายได้ที่เลื่อนมาจาก 1/67 อัตรากำไรจะดีขึ้นจากโครงการลดต้นทุนของบริษัทฯ และได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่า แถมไตรมาส 3/67 ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อตามปัจจัยฤดูกาล Consensus คาดกำไรปี 67 โต 23%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย Sentiment หนุนระยะสั้นอยู่ที่มาตรการการขึ้นภาษีของ EU ต่ออุตสาหกรรม EV ของจีน ซึ่งเชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อ KCE ที่มีโอกาสได้ลูกค้าจากยุโรปเพิ่มขึ้น ซึ่ง KCE มีสัดส่วนรายได้จากยุโรปราว 40% มองราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมา Laggard กลุ่มอยู่มาก สะท้อนได้จากราคาหุ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา KCE ปรับขึ้นเพียง 1.2% เทียบกับ DELTA +12.2% และ HANA +14.2% ซึ่งคาดว่ามาจากความกังวลต่อการที่ KCE หลุดออกจากดัชนี SET50 Index ในรอบครึ่งหลังปี 67 ซึ่งการปรับน้ำหนักสิ้นสุดไปแล้ว ตั้งแต่ราคาปิดวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ให้เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 46.00 บาท ขณะที่ บล.ลิเบอเรเตอร์ คาดกำไร KCE ไตรมาส 2/67 ที่ 634 ล้านบาท โต 68.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ โต 23% เทียบไตรมาสก่อนหน้า แม้ยอดขายอาจโตบางๆ 2.3% เทียบไตรมาสก่อนหน้าแต่จะได้แรงหนุนหลักจากอัตรากำไรขั้นต้นที่คาด +1.5-2.0% ได้ และจะเริ่มได้ผลบวกจากการลงทุนใหม่ทำให้ได้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีเข้ามาช่วยราว 1 เดือน นอกจากนี้ยังมีกำไรพิเศษจาการขาย บ.เคซีอีอินเตอร์ และกำไรอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาช่วยเพิ่มเติม ให้ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 51 บาท