FAPL

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO ครั้งที่ 10/2567 ซึ่งจัดประชุมเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 ได้มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 ในวันที่ 30 มกราคม 2568 เพื่อพิจารณาอนุมัติให้บริษัท โมโน สตรีมมิ่ง จำกัด (Mono Streaming) เข้าทำธุรกรรมกับบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS เพื่อให้บริการแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอุปกรณ์ และบุคลากรแก่ JAS สำหรับการเผยแพร่คอนเทนต์รายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ (EPL และ FA Cup) ในรูปแบบถ่ายทอดสด รับชมย้อนหลัง คลิปไฮไลท์ และรายการอื่น ๆ ที่ JAS ได้รับเผยแพร่จาก The Football Association Premier League Limited (FAPL) และ The Football Association Limited (FA) คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 5,400.00 ล้านบาท ซึ่งจะอยู่ภายใต้สัญญาเพื่อการถ่ายทอดสดภาพและเสียง (Live Package) สำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ลีก สัญญาเพื่อการถ่ายทอดสดภาพและเสียงสำหรับเอฟเอคัพ (FA Rights) และสัญญาที่เกี่ยวกับคลิปภาพและเสียงดิจิทัล (Clips Package) สำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่ JAS จะเข้าทำสัญญากับ FAPL อนึ่งการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าวเข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทเนื่องจาก JAS เป็นนิติบุคคลที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ได้แก่ นายพิชญ์ โพธารามิก (“นายพิชญ์”) ซึ่งเข้าข่ายเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท โดยมีขนาดรายการที่เกี่ยวโยงกันเท่ากับร้อยละ 520.07 ของ มูลค่าสินทรัพย์ ดังนั้นบริษัทจึงมีหน้าที่ต้อง 1) เปิดเผยสารสนเทศเกี่ยวกับรายการที่เกี่ยวโยงกันต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และ (2) จัดให้มีการประชุมวิสามัญผู้ ถือหุ้นของบริษัทเพื่อขออนุมัติการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน โดยบริษัทจะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยไม่นับคะแนนเสียงของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้ เสียเป็นฐานในการนับคะแนน และ(3) แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) เพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับรายการที่เกี่ยวโยงกัน ในการนี้บริษัทได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (“บลูเบลล์” หรือ “ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ”) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อให้ความเห็นต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทเกี่ยวกับรายการที่เกี่ยวโยงกัน และนำเสนอให้ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 ซึ่งจะประชุมในวันที่ 30 มกราคม 2568 โดยล่าสุดที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้พิจารณาวัตถุประสงค์และความจำเป็นในการเข้าทำรายการประกอบด้วย ข้อดี ข้อด้อย ประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นแล้ว ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมีความเห็นว่าวัตถุประสงค์ที่จะต่อยอดและขยายฐานสมาชิกผู้ใช้บริการกลุ่มใหม่ รวมถึงการเพิ่มมูลค่าให้แพลตฟอร์มเพื่อที่ลูกค้าจะสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้นในการใช้บริการ ตลอดจนการเพิ่มจุดแข็งให้กับ MONOMAX ผ่านการเข้าทำธุรกรรมเพื่อให้บริการแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งกับ JAS ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักในการดำเนินธุรกิจของบริษัทตามความจำเป็นของบริษัทที่ต้องป้องกันไม่ให้บริษัทเสียโอกาสในการเพิ่มรายได้และผลกำไรที่ต่อเนื่องจากการให้บริการแพลตฟอร์มของ MONOMAX ในอนาคต อีกทั้งยังก่อให้เกิดการประสานพลังกัน (Synergy) และสามารถสร้างแรงดึงดูดเพื่อเพิ่มยอดสมาชิกให้เข้ามาใช้บริการแพลตฟอร์มของ MONOMAX มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทจะได้รับประโยชน์จากการเข้าทำรายการมากกว่า ดังนั้นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระจึงมีความเห็นว่าการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกันในครั้งนี้ มีความสมเหตุสมผล สำหรับความเหมาะสมของราคาในการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงกันครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 5,400.00 ล้านบาท โดยมีอัตราค่าตอบแทนรายเดือนอยู่ที่ 50.00 บาทต่อบัญชีผู้ใช้ที่ได้ตกลงซื้อแพ็กเกจคอนเทนต์รายการฟุตบอล EPL และ FA Cup ตลอดอายุของสัญญา ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระพิจารณาแล้วเห็นว่าอัตราค่าตอบแทนรายเดือนดังกล่าวไปตามมาตรฐานราคาตลาดบนพื้นฐานหลักเกณฑ์เดียวกันกับการทำรายการกับบุคคลภายนอก (Arm’s Length Basis) ซึ่งมีการคิดส่วนลด (Discount) จากการเจรจาตกลงร่วมกัน เนื่องจากทั้งสองฝ่ายเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีต่อกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และจากประมาณการทางการเงินตามสมมติฐานของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ จะได้มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดสุทธิ(Net Present Value: NPV) ที่บริษัทจะได้รับจากการเข้าทำธุรกรรมให้บริการแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งกับ JAS ครั้งนี้ อยู่ในช่วงระหว่าง 1,404.06 – 1,838.95 ล้านบาท ซึ่งมีค่าเป็นบวกนั่นหมายความว่าการกำหนดอัตราค่าตอบแทนรายเดือนตามเงื่อนไขของสัญญาดังกล่าว มีความสมเหตุสมผล เมื่อเทียบกับกระแสเงินสดที่บริษัทจะได้รับภายหลังการเข้าทำรายการในครั้งนี้ ทั้งนี้ หากพิจารณาถึงจุดคุ้มทุน (Break-Even) บริษัทจะต้องมีจำนวนบัญชีผู้ใช้ไม่น้อยกว่า 658,757 บัญชีถึงจะทำให้มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดสุทธิ (NPV) ที่บริษัทจะได้รับจากการเข้าทำรายการครั้งนี้มีค่าเท่ากับหรือมากกว่า 0 นอกจากนี้ ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้ประมาณการรายได้จากการเข้าทำรายการเพิ่มเติมได้อยู่ที่ 5,445.01 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าใกล้เคียงกับ มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทนจากการประมาณการตัวเลขตามแผนธุรกิจของบริษัท ดังนั้นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระจึงมีความเห็นว่ามูลค่ารวมของสิ่งตอบแทนสำหรับการเข้าทำรายการครั้งนี้ มีความสมเหตุสมผล