Fast Track

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ให้ติดตามการปรับหุ้นเข้าออก SET50 ในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่ง 2 หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ขนาดใหญ่สุดในกลุ่มประกัน คาดว่าจะเข้าเทรดใน SET และจะ Fast Track เข้าคำนวณดัชนี SET50 ในเดือนหน้า ขณะที่ ไตรมาสที่ 4/2565 บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC คาดจะเข้าเทรดและจะ Fast Track เข้า SET50 เช่นกัน จากมาร์เก็ตแคปมากกว่าระดับแสนล้านบาท ทั้งนี้นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด หรือ ASPS กล่าวว่า การปรับพอร์ตหุ้นเข้าออก SET50 ในช่วงที่เหลือของปียังไม่จบ เพราะคาดว่าจะมี หุ้น IPO ขนาดใหญ่ถึง 2 บริษัท มีโอกาสเข้าจดทะเบียนและ Fast Track เข้าดัชนี SET50 ได้ ในช่วงครึ่งปีหลัง จึงอาจจะเบียดให้หุ้นมี Market Cap เล็กสุด 2 อันดับสุดท้ายใน SET50 ตกชั้นมาอยู่แค่ดัชนี SET100 เท่านั้น โดยเบื้องต้นประเมินว่าปัจจุบันมีหุ้นอยู่ในความเสี่ยงตกชั้น SET50 อยู่ 2 บริษัท คือ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC อยู่ในอันดับ 50 มาร์เก็ตแคป 63,755 ล้านบาท, บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD อยู่ในอันดับ 49 มาร์เก็ตแคป 66,597 ล้านบาท มีความเสี่ยงสูงสุด และหุ้นอื่นที่มีความเสี่ยงรองลงมา ได้แก่ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO อันดับ 48 มาร์เก็ตแคป 71,257 ล้านบาท, บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE อันดับ 47 มาร์เก็ตแคป 73,273 ล้านบาท, บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA อันดับ 46 มาร์เก็ตแคป 73,425 ล้านบาท เป็นต้น ทั้งนี้ต้องรอดูลำดับ Market Cap ในวันที่หุ้นขนาดใหญ่เข้าตลาดในวันแรกอีกครั้ง นอกจากนี้ หากดูสถิติในอดีตเวลาที่หุ้นขนาดใหญ่เตรียมเข้าตลาด 1 เดือน พบว่าหุ้นในอุตสาหกรรมเดียวกันมักจะปรับตัวลดลงแรงกว่าปกติ อาทิ 1 เดือนก่อน บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เข้าตลาด หุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวลง 6.8% หรือตอน 1 เดือน ก่อนหุ้นบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เข้าตลาด หุ้นกลุ่มหุ้นกลุ่มพาณิชย์ปรับตัวลง 10.6% แม้ว่าปกติหุ้นทั้ง 2 กลุ่มจะมี Beta ต่ำ แต่ในช่วงเวลานั้นก็ปรับฐานแรงกว่า SET Index มาก ทั้งนี้ ประเมินว่าส่วนหนึ่งเกิดจากการเตรียมเงิน Rebalance พอร์ตของกองทุนไทยและต่างประเทศ ซึ่งปกติมักจะมีข้อกำหนดหรือวิธีการลงทุนแบบ Fully Invest อยู่แล้ว หรืออาจจะถือเงินสดเพียงเล็กน้อยในบางช่วงเวลาเท่านั้น ทำให้การเตรียมเงินในการซื้อหุ้นขนาดใหญ่ในระยะเวลาสั้น ๆ นั้นจะเลือกลดพอร์ตการลงทุนในหุ้นกลุ่มหรืออุตสาหกรรมเดียวกันเป็นลำดับแรก ๆ ก่อน ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเดียวกันถูกกดดันในช่วงเวลาสั้น ๆ ได้ ดังนั้น ในช่วงเวลาเร็ว ๆ นี้ อาจเห็นการปรับพอร์ตของกองทุนไทยและต่างประเทศเพื่อเตรียมซื้อหุ้นประกันขนาดใหญ่ กดดันหุ้นกลุ่มแบงก์, กลุ่มไฟแนนซ์, กลุ่มประกัน ในช่วงสั้น ๆ เช่นเดียวกับสถิติในอดีตที่กล่าวไว้ข้างต้น แต่อย่างไรก็ตามประเด็นกดดันดังกล่าวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ Valuation ของหุ้นแต่อย่างใด ดังนั้นหากย่อตัวลงมา อาจเป็นโอกาสในการสะสมสำหรับการลงทุนในระยะกลางถึงยาวได้รวมถึงหุ้นกลุ่มแบงก์ และประกันยังเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์เวลาดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น