FED Meeting

ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (TTB) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้ (12 ธ.ค. 66) เปิดตลาด 35.71 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ระดับ 35.35 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลหลักหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ (8 ธ.ค.) ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 199,000 ตำแหน่งในเดือน พ.ย. สูงกว่าที่คาดการณ์ที่ระดับ 180,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้นจากระดับ 150,000 ตำแหน่งในเดือน ต.ค. ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.7% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ที่ระดับ 3.9% นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจาก ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 69.4 ในเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. และเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งดังกล่าวทำให้ตลาดลดคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐในเดือน มี.ค. 67 ไปเป็นเดือน พ.ค. 67 ซึ่งได้ช่วยหนุนดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยสัปดาห์นี้ปัจจัยที่ต้องจับตามองคือการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของสหรัฐในคืนนี้ และการประชุมของธนาคารกลางชั้นนำของโลก โดยโฟกัสไปที่ FED Meeting ในวันที่ 12-13 ธ.ค. ตามด้วย ECB และ BOE ในวันที่ 14 ธ.ค. ซึ่งคาดว่าทั้ง FED ECB และ BOE จะคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิม แต่สิ่งที่ต้องจับตาคือ ถ้อยแถลงหลังการประชุมของประธาน FED , Dot Plot และคาดการณ์ GDP ในปีหน้าของสหรัฐ อย่างไรก็ตามราคาทองคำในตลาดโลกยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกับทิศทางค่าเงินบาท ทั้งนี้เมื่อวันศุกร์นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,792 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,303.63 ล้านบาท โดยมองกรอบค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในช่วง 35.50 - 35.80 บาท/ดอลลาร์ สำหรับนักลงทุน ผู้นำเข้า แนะนำควรซื้อเงินตราต่างประเทศเพื่อปิดความเสี่ยง และผู้ส่งออก แนะนำขายเงินตราต่างประเทศที่เหนือระดับ 35.80 บาท/ดอลลาร์ ส่วนกรอบค่าเงินวันนี้อยู่ที่ USD/THB 35.50 - 35.80 , EUR/THB 38.20 - 38.70 , JPY/THB 0.2420 - 0.2470 , GBP/THB 44.60 - 45.00 , AUD/THB 23.20 - 23.70