Federal Aviation Administration

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(23 เม.ย.68) ราคาหุ้นกลุ่มสายการบินและท่องเที่ยวบวกคึก นำโดย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ณ เวลา 15:31 น. อยู่ที่ระดับ 38.00 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 1.33% ราคาสูงสุด 39.25 บาท ราคาต่ำสุด 37.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.70 พันล้านบาท บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ณ เวลา 15:33 น. อยู่ที่ระดับ 1.42 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 3.65% ราคาสูงสุด 1.44 บาท ราคาต่ำสุด 1.36 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 66.30 ล้านบาท บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ณ เวลา 15:34 น. อยู่ที่ระดับ 16.00 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 1.27% ราคาสูงสุด 16.30 บาท ราคาต่ำสุด 15.80 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 48.58 ล้านบาท บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ณ เวลา 15:39 น. อยู่ที่ระดับ 2.40 บาท บวก 0.02 บาท หรือ 0.84% ราคาสูงสุด 2.42 บาท ราคาต่ำสุด 2.36 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 32.08 ล้านบาท บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ณ เวลา 15:40 น. อยู่ที่ระดับ 26.50 บาท บวก 0.25บาท หรือ 0.95% ราคาสูงสุด 26.75 บาท ราคาต่ำสุด 26.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 139.30 ล้านบาท ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วานนี้ (22 เม.ย.) องค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Aviation Administration : FAA) ได้ประกาศผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ปรับระดับมาตรฐานการบินของไทย จาก Category 2 (CAT2) ซึ่งไทยได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มนี้ตั้งแต่ปี 2558 ยกระดับกลับไปสู่ Category 1 (CAT1) เป็นกลุ่มประเทศที่มีมาตรฐานการบินอยู่ในระดับมาตรฐานสากล นับเป็นข่าวดีของอุตสาหกรรมการบินของไทยในรอบเกือบ 10 ปี สำหรับกรณีที่ประเทศไทยได้กลับสู่ FAA Category 1 จะเอื้อประโยชน์อย่างมากต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินของไทย โดยเฉพาะการเปิดหรือขยายเส้นทางบินของสายการบินของไทยไปยังสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้สายการบินของไทยทั้งสายการบินใหม่และสายการบินเดิม จะสามารถเปิดเส้นทางใหม่หรือเพิ่มความถี่เที่ยวบินไปยังประเทศที่ให้ความสำคัญกับผลการประเมินของ FAA อย่างเช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และฮ่องกง เป็นการเพิ่มโอกาสการเดินทางระหว่างประเทศ คนไทยจะมีตัวเลือกในการเดินทางมากขึ้น ทั้งในด้านเส้นทาง เวลาเดินทาง และราคาที่แข่งขันกันมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ค่าโดยสารมีแนวโน้มถูกลง นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มโอกาสการจ้างงานในสายการบินต่างประเทศ นักบินไทยที่เคยถูกปฏิเสธการรับเข้าทำงาน เนื่องจากข้อจำกัดจาก FAA CAT 2 จะสามารถสมัครงานกับสายการบินต่างประเทศได้เพิ่มมากขึ้น เปิดโอกาสให้นักบินไทยได้มีรายได้สูงขึ้น และได้พัฒนาทักษะระดับสากล ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการยกระดับบุคลากรการบินของไทย สำหรับการกลับสู่ CAT 1 เป็นสัญลักษณ์ของความน่าเชื่อถือในมาตรฐานความปลอดภัยการบินของไทยในสายตานานาชาติ ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อการเจรจาทางเศรษฐกิจ การค้าระหว่างประเทศ และการลงทุนจากต่างชาติ ยกระดับภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของประเทศจะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นและมีทางเลือกในการเดินทางมายังประเทศไทยมากขึ้น ส่งผลให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในการดำเนินการเพื่อยกระดับมาตรฐานการบินของไทยกลับคืนสู่ CAT1 สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ได้ดำเนินการตามแผนการแก้ไขข้อบกพร่อง (Corrective Action Plan-CAP) อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจากการที่ FAA เข้ามาตรวจประเมินที่ CAAT ตั้งแต่ช่วงพฤศจิกายน 2567 และได้แจ้งให้แก้ไขข้อบกพร่อง (Findings) CAAT ได้ทำงานอย่างเต็มที่ในการปรับปรุงข้อกำหนด รวมถึงประสานหน่วยงานด้านการบินทุกภาคส่วนจนสามารถแก้ไขข้อบกพร่องทั้งหมด 36 ข้อได้อย่างครบถ้วน โดย FAA ได้พิจารณาและปิดข้อบกพร่องทั้งหมด (Zero Open Finding) ภายหลังการหารือขั้นสุดท้าย (Final Discussion) เมื่อวันที่ 10-12 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) กล่าวถึงกรณีสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (FAA) ยกระดับมาตรฐานการบินของไทยจากระดับ 2 (CAT2) เป็นระดับ 1 (CAT1) ว่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการบิน อาทิ การเปิดเที่ยวบินไปยังสหรัฐฯ โดยตรง ทั้งในด้านการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า โดยสอดรับกับแนวทางของภาครัฐในการสร้างห่วงโซ่มูลค่าเพิ่ม เพื่อแก้ปัญหาเรื่องอัตราภาษีนำเข้า (Trade Tariffs) เช่น การนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มาสร้างมูลค่าเพิ่มในไทยก่อนส่งออกกลับไปยังสหรัฐฯ อีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) นอกจากนี้ยังรวมถึงการเพิ่มเที่ยวบินแบบ Code Share ซึ่งสอดรับกับกลยุทธ์ของบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BA) “เป็นการเพิ่มช่องทางในการขนส่งสินค้าระหว่างไทยและสหรัฐฯ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยสามารถขนส่งทางอากาศได้โดยตรง ซึ่งบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI) ก็เป็นอีกสายการบินหนึ่งที่น่าจับตามองในอนาคต” สำหรับหุ้นที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากการยกระดับในครั้งนี้ ได้แก่ AOT และ BA รวมถึง THAI ที่มีแผนจะกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์บั วหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลกระทบทางอ้อมต่อการท่องเที่ยว จากกรณีมีเที่ยวบินตรงไปยังสหรัฐฯ จะช่วยอำนวยความสะดวกและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้าประเทศไทยได้มากขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น สายการบินภายในประเทศ (Domestic Flight) อย่างบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) (AAV) และบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BA) และกิจกรรมการท่องเที่ยวต่าง ๆ “ภาคธุรกิจโรงแรมคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการมีเที่ยวบินตรง เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศสะดวกขึ้นจะส่งผลให้มีลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมที่มีจำนวนมากในประเทศ ได้แก่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (ERW), บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) (CENTEL)” บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มสายการบิน โดยตัวเลขจำนวนผู้โดยสารของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ระบุว่า ในปี 2567 มีผู้โดยสารชาวสหรัฐฯ อยู่ในอันดับที่ 9 คิดเป็น 3.3% ของจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด ดังนั้นเมื่อประเทศไทยได้รับการปรับมาตรฐานเป็น Category 1 จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ THAI สามารถเปิดเส้นทางบินไปยังสหรัฐฯ ได้อีกครั้ง ทั้งนี้ แนะนำหุ้นที่เป็น Top Pick ของกลุ่มสายการบิน ได้แก่ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) (AAV) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.80 บาท นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (ASPS) กล่าวว่า การยกระดับมาตรฐานการบินของไทยสู่ระดับ CAT1 ในครั้งนี้ ถือเป็นการรับรองความปลอดภัยทางการบินตามมาตรฐานสากล ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งระบบอุตสาหกรรมการบิน รวมถึงภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยโดยตรง ข้อดีของการได้รับมาตรฐาน CAT1 คือการเปิดโอกาสให้สายการบินของประเทศไทยสามารถขยายเส้นทางการบินไปยังสหรัฐฯ ได้มากขึ้น ทั้งในรูปแบบเที่ยวบินใหม่และการจับคู่รหัสเที่ยวบิน (Code Share) กับสายการบินสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ เพิ่มความเชื่อมั่น และยกระดับภาพลักษณ์ของสายการบินของไทยในเวทีโลก