FedWatch Tool

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS กล่าวในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (15 มิ.ย. 66) ว่า สืบเนื่องจากมติของการประชุมเฟดวานนี้ นับว่าไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดหุ้นไทย โดยทางฝ่ายวิจัยได้มีการคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่ารอบนี้จะมีการคงอัตราดอกเบี้ยอย่างแน่นอน อีกทั้งทางเฟดต้องการควบคุมเงินเฟ้อ และการส่งสัญญาณที่ผ่อนคลายเร็วเกินไปจะส่งผลให้ตลาดมีทิศทางบวกมากเกิน ซึ่งอาจจะทำให้มีภาพของเงินเฟ้อในระยะถัดไปได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นในเชิงของภาพรวมจะเป็นในเชิงที่ว่ามีการตรึงอัตราดอกเบี้ย และคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง ด้าน FedWatch Tool เชื่อว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปถึงขั้นนั้น หากจะปรับขึ้นคงปรับได้อีกแค่หนึ่งครั้ง ส่วนค่าเงินดอลลาร์ยังมีแนวโน้มอ่อนค่า จุดนี้เป็นนัยยะบอกว่าโครงสร้างเงินเฟ้อในปัจจุบันน่าจะบ่งชี้ได้ว่าสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ พร้อมตรึงดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 5.3% โดยจะมีทิศทางลงในช่วงไตรมาส 3 เพราะราคาค่าเช่านั้นถูกปรับลงมาเป็นระยะเวลาปีกว่าแล้ว นายกรภัทร กล่าวอีกว่า ประเด็นใหญ่ที่อยากให้จับตามองในช่วงสัปดาห์นี้ คือ ทางการจีนมีการเรียกนักเศรษฐศาสตร์ตัวภาคเอกชนเข้ามาหารือมากกว่า 6 ครั้ง หนึ่งในเรื่องสำคัญที่มีการหารือกัน คือ การพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจและจะออกนโยบายอะไรมาควบคุม โดยตลาดมีการคาดการณ์กันว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้น Infrastructure โดยมีขนาดราว 3.5% ของ GDP หรือราว ๆ หนึ่งล้านล้านหยวน หรือราว ๆ 140 ล้านดอลลาร์ ถ้ามีมาตรการนี้ออกมา มองว่าจะเป็นภาพบวกให้กับตลาดหุ้นไทย เนื่องจากดอกเบี้ยไทยจะยังคงมีการขยับขึ้นอีก และยังมีกลุ่มหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากจีน สำหรับตลาดหุ้นไทยวันนี้อยู่ในทิศทางแกว่ง ๆ เล็กน้อย อยู่ในทิศทาง Sideway up แนวต้านอยู่ที่ระดับ 1,571-1,578 จุด แนวรับอยู่ที่ระดับ 1,545 จุด ทั้งนี้ เมื่อจีนมีการกระตุ้นเศรษฐกิจมองว่าหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีนั้นโดดเด่น ได้แก่ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC และ บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA ส่วนตัวหุ้นธนาคารที่โดดเด่น ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ด้านหุ้น high growth ได้แก่ บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA, บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE และ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK