HYANA

นับจากวันโหวตนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2566 ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องราว 50 จุด หรือ 2% (ณ ปัจจุบันวันที่ 30 ส.ค. 66 ปิดที่ระดับ 1,576.67 จุด เทียบกับวันที่ 21 ส.ค. 66 ปิดที่ระดับ 1,525.75 จุด) ซึ่ง Outperform กว่าตลาดหุ้นโลกในช่วงเวลาเดียวกัน และจะสังเกตได้ว่ามีตลาดหุ้นฮองกง (HIS) ที่แอบฟื้นตัวขึ้นมา 4% ในช่วงเวลาเดียวกัน จากการคาดหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งอาจเห็นจีนลดดอกเบี้ยเงินฝากลงอีกเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมีการค้นหา “หุ้นไทยรับกระแสหุ้นจีนรีบาวน์ มีตัวไหนยัง Laggard บ้าง” เริ่มต้นจากการรวบรวมข้อมูลหุ้นไทยที่เคลื่อนไหวคล้ายๆ กับหุ้นจีน (มีตัวเลข Correlation ระหว่างกันสูง) อย่าง SCGP, KCE, IRPC, PTTGC, SJWD, MINT, TOP นอกจากนี้หุ้นอื่นๆที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว ได้แก่ AOT, ERW, CENTEL, III, HYANA, NOBLE, ORI, SCC, IVL, CBG, CRC, NER, MTC นำมาเปรียบเทียบผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามจากหุ้นดังกล่าวที่อาจได้รับประโยชน์ โดยยกให้ 2 ตัวเป็นท็อปพีก คือ AOT และ SCGP ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT จะได้รับปัจจัยเชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากภาครัฐฯ โดยประเด็นข่าวบวกล่าสุดคือ การเตรียมเว้นวีซ่าจีนและอินเดีย ขณะเดียวกันประเมินผลการดำเนินงานเริ่ม Turnaround แล้ว และคาดจะกลับมาเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า เป็น 2.7 หมื่นล้านบาท และ Forward PE ปีหน้าจะลดลงเหลือเพียงราว +/-38 เท่า จากเดิม +/-73 เท่าในปีนี้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าพื้นฐาน 86 บาท บริษัท หลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/2566 จะฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน และคาดเห็นการเติบโตเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน อีกครั้งในไตรมาส 4/2566 จากฐานต่ำ เนื่องจากความต้องการในภูมิภาคเพิ่มขึ้นและความต้องการสินค้าในช่วงท้ายปี แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 50 บาท