Lion Air

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงกรณีชายไทยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทยเป็นรายแรกว่าตอนนี้รักษาหายและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วหลังจากผลแล็บไม่ตรวจพบเชื้อ ซึ่งทางการแพทย์ถือว่าหายป่วย อาการเป็นปกติ ขณะที่การติดตามญาติและผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยทุกรายมีผลเป็นปกติ ไม่มีอาการป่วยแต่อย่างใด โดยชายไทยรายดังกล่าวอายุ 50 ปี อาชีพขับรถแท็กซี่ มีประวัติสัมผัสคนจีน และเนื่องจากมีอาการไข้ ไอเหนื่อยมา 1 สัปดาห์จึงไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลตามสิทธิ์ ซึ่งผลตรวจเบื้องต้นพบติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จึงประสานส่งตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร ตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค. โดยแพทย์ให้ยาปฏิชีวนะหลายชนิด สำหรับประเทศไทยพบผู้ป่วยสะสมจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รวม 25 ราย กลับบ้านแล้ว 9 ราย ที่เหลือยังอยู่ในโรงพยาบาล 16 ราย ส่วนใหญ่อาการดีขึ้นเป็นลำดับ และมีแนวโน้มจะหายจากการเจ็บป่วยในเวลาไม่นานนัก ขณะที่ผู้ที่มีอาการหนักอาการยังทรงตัว โดยพบว่าหลายคนอายุมาก มีโรคประจำตัวด้านระบบทางเดินหายใจหรือโรคหัวใจ ทำให้การได้รับเชื้อไวรัสโคโรนาเข้ามาเป็นการซ้ำให้โรคเดิมทวีความรุนแรงมากขึ้น นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ป่วยคนไทยอาการหนักวัย 72 ปี โดยรวมอาการทรงๆ ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ตรวจพบโรควัณโรคและปอดอักเสบ ทั้งนี้อาการดีขึ้นกว่าวันก่อนไม่ได้แย่ลง ซึ่งผู้ปวยรายดังกล่าวมีอาชีพเป็นคนขับรถรับส่งนักท่องเที่ยวจีน มีโรคเดิมที่ไม่ทราบอยู่ก่อน เมื่อได้รับเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายทำให้อาการค่อนข้างแย่ แต่ยังอยู่ในการควบคุมของแพทย์ ส่วนสมาชิกครอบครัวอีก 4 คนนั้นอยู่ระหว่างติดตามอาการ ส่วนคนไทยที่พบการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2 คนที่มีประวัติเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น ผู้เป็นภรรยารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชวิถี และสามีอยู่ที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร คนไข้ทั้งสองรายปอดอักเสบเล็กน้อย นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ประเทศไทยมีโอกาสน้อยที่จะเกิดระยะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เพราะไม่ได้เป็นแหล่งกำเนิดของตัวโรค ซึ่งประเทศไทยก็เหมือนกับหลายประเทศที่ระยะแรกผู้พบป่วยมาจากนอกประเทศ และระยะต่อมาก็มีผู้ป่วยในประเทศ ส่วนระยะต่อไปที่อาจเกิดขึ้นได้คือการระบาด แต่เราไม่ได้เป็นตัวจุดตั้งต้นและมีสภาพแตกต่างจากจีนที่มีอากาศเย็นและจำนวนประชากรมาก อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนตระหนักในการดูแลตัวเอง แต่อย่าตระหนก โดยเฉพาะผู้ป่วยที่รักษาอาการจนหายดีที่ได้รับการอนุญาตจากแพทย์ให้กลับบ้าน ได้ผ่านการตรวจสอบว่าปลอดเชื้อ 100% แล้วเพื่อไม่ให้ออกไปแพร่เชื้อ พร้อมทั้งแนะนำว่าการเฝ้าระวังและดูแลตัวเองจะสามารถป้องกันโรคติดเชื้อต่างๆได้ โดยเพาะไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ที่ปีที่แล้วพบผู้ติดเชื้อกว่า 3 แสนราย แต่เสียชีวิตไม่มาก เพราะผู้ป่วยดูแลตัวเองดี มาพบแพทย์เร็ว วิธีการป้องกันเหมือนไวรัสทั่วไป ด้านนายอัศวิน ยังกีรติวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบิน ไทยไลอ้อนแอร์ กล่าวในระหว่างการร่วมแถลงข่าวว่า ขณะนี้สายการบินไทยไลยออนแอร์ได้เปิดให้คนไทยที่ติดค้างอยู่ในเมืองต่าง ๆ ของประเทศจีนสามารถเดินทางกลับมายังประเทศไทยได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งเดิมกำหนดไว้ในช่วงวันที่ 5-8 ก.พ. แต่ขณะนี้มีแนวคิดจะขยายเพิ่มไปอีก 1 สัปดาห์เนื่องจากกำหนดเดิมค่อนข้างกะทันหันเกินไป นอกจากนั้นจะพิจารณาว่าเส้นทางใดมีความต้องการเข้ามาเพิ่มเติมก็จะปรับจำนวนที่นั่งเพิ่มขึ้นด้วย นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ที่เดินทางกลับจากจีนทุกไฟลท์ จะผ่านการตรวจคัดกรอง และคัดแยก 3-4 ด่าน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้ลดระดับความเข้มข้นของการตรวจคัดกรอง โดยจะให้ทางสายการบินไทยไลอ้อนแอร์แจ้งมายังวอร์รูมเกี่ยวกับรายละเอียดของคนไทยที่ลงทะเบียนเดินทางกลับมา เพราะอาจจะต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้รับการยกระดับการดำเนินการให้เป็นระดับชาติ รัฐบาลขับเคลื่อนการทำงานทุกกระทรวงทุกหน่วยงาน เพื่อกำหนดมาตรการการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกระทรวงสาธารณสุขรับเป็นแม่งาน ดูแล คัดกรอง ติดตาม ผู้ป่วย ภายใต้มาตรการที่เข้มข้น เน้นปฏิบัติภารกิจให้สถานการณ์การติดเชื้อบรรเทาลงและหายไปในที่สุด ทั้งนี้ ประชาชนตระหนักได้แต่อย่าตื่นตระหนก ระวังคอยสังเกตสถานการณ์รอบตัว ถ้ามีความเสี่ยงก็พยายามออกจากพื้นที่นั้นๆ ส่วนปัญหาที่มีผู้ร้องเรียนว่าขาดแคลนหน้ากากอนามัยนั้น ได้รับการยืนยันว่าการผลิตหน้ากากอนามัยแบบธรรมดาในประเทศไทยมากพอจะรองรับได้ แต่ขอร้องว่าอย่ากักตุน ให้ซื้อตามความจำเป็นใช้ โดยสามารถติดต่อที่องค์การเภสัชกรรม องค์การอาหารและยา (อย.) หรือซื้อที่ร้านกรมการแพทย์ ตอนนี้มีแน่นอน นอกจากนั้น สิ่งที่ต้องเน้นย้ำคือแอลกอฮอล์เจล ช่วงนี้ล้างมือให้บ่อยจะได้ลดโอกาสการติดเชื้อ เพราะเชื้อโรคนี้ติดต่อโดยการสัมผัสสารคัดหลั่งจากร่างกายมนุษย์ สำหรับคนไทยที่เดินทางกลับจากอู่ฮั่น ถึงท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาเมื่อคืนนี้ ได้รับการกักตัวไว้แล้ว และแยกผู้ป่วยเป็นไข้ออกมา อาการดีขึ้นเป็นลำดับ ผลแล็บเบื้องต้นไม่พบเชื้อ แต่ทั้งนี้เพื่อความมั่นใจก็จะตรวจซ้ำอีกครั้ง ถ้าไม่พบก็จะกลับไปรวมกับคนอื่นๆ เบื้องต้นคาดว่าถ้าไม่มีผู้ใดแสดงอาการ วันที่ 19 ก.พ.ก็จะให้กลับบ้านได้