MINT

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (10 เม.ย.58) บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT กำไร ไตรมาส4/57 เป็นไปตามคาดเพิ่ม 4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 1.6 พันล้านบาท และดีขึ้นเป็นเท่าตัวเทียบไตรมาสก่อนหน้าสืบเนื่องจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นใน 3 ธุรกิจหลักคือ โรงแรม อาหาร (TSSG +16.5% เพราะ SSSG +0.4%, สาขา +11% เป็น 1,708 แห่ง) และพาณิชย์ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมที่มีการรับจ้างบริหารที่ มัลดีฟ และ UAE รวมทั้งในส่วนธุรกิจโรงแรมที่ถือหุ้นเอง RevPar เพิ่ม 1.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเพราะค่าเฉลี่ยราคาห้องพัก (ADR) เพิ่ม 3% แม้ OR ลดลง 1% เป็น 70% อย่างไรก็ตามรายได้ในส่วนอสังหาฯกลับลดลงถึง 30% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 751 ล้านบาท อันเป็นผลพวงจากยอดขายที่ลดลง รวมทั้งการปิดสำนักงาน อนันตรา วาเคชั่น คลับ (AVC) ที่เซี่ยงไฮ้เป็นการชั่วคราว ด้านอัตรากำไร EBITDA ลดลงเล็กน้อย 0.5 ppts เป็น 26.1% เนื่องจากรายได้ในส่วนอสังหาฯซึ่งปกติให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงมีสัดส่วนในรายได้ที่ต่ำลง ผนวกกับแรงกดดันของต้นทุนจาก AVC ที่เซี่ยงไฮ้ คาดว่าการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมจะช่วยผลักดันกำไร ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างประเทศมายังไทยมีการฟื้นตัวสูง และจะช่วยชดเชยธุรกิจอาหารที่คาดว่าจะฟื้นตัวช้าลง ตามภาวะเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ตัวเลขผู้เดินทางของ AOT ล่าสุดช่วงม.ค.-มี.ค.58 เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง 23% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและมีแนวโน้มดีต่อเนื่องในเดือนเม.ย.58 สำหรับธุรกิจอาหารก็ค่อยๆ ดีขึ้น โดยการเติบโตมาจากการขยายสาขาเป็นหลัก ส่วนธุรกิจอสังหาฯจะมี 2 โครงการมาช่วยต่อยอดรายได้ปีนี้และปีหน้า คือ The Residence by Anantara ที่ภูเก็ต และ Anantara เชียงใหม่ สวีส โดยจ่ายปันผลเป็นเงินสดและหุ้นปันผล ประกาศจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.25 บาทต่อหุ้น และปันผลเป็นหุ้นสามัญ 10:1 ขึ้น XD 17 เม.ย.58 แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐานก่อน XD กำหนดไว้เป็น 41.00 บาท และหลัง XD 37.50 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธีส่วนคิดลดกระแสเงินสดสุทธิ (DCF, wacc 8.8%, terminal growth 2%) เราชอบปัจจัยพื้นฐานของ MINT ในเรื่องการกระจายฐานกำไรที่หลากหลาย ช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี มีแผนการขยายธุรกิจที่น่าสนใจ และแนวโน้มการฟื้นตัวที่สดใส