MonetaryPolicy

ดัชนีหลักในตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี (17 เม.ย.68) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้ง สู่ระดับ 2.25% นับเป็นการปรับลดครั้งที่ 7 ในรอบ 12 เดือน ท่ามกลางความพยายามของ ECB ในการบรรเทาความกังวลและเสริมสร้างความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจที่ยังเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกหลายด้าน การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจยูโรโซนยังคงเผชิญแรงเสียดทานจากความไม่แน่นอนทางการค้าโลก การใช้มาตรการภาษีตอบโต้ระหว่างประเทศ และภาวะซบเซาของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่บั่นทอนความสามารถในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์บางส่วนที่ประเมินว่า หาก ECB ส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินต่อเนื่อง อาจช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปให้ฟื้นตัวในระยะกลาง ดัชนี STOXX 600 ของยุโรป ปิดตลาดที่ 506.42 จุด ลดลง 0.67 จุด หรือ -0.13% ดัชนี CAC-40 ของฝรั่งเศส ปิดที่ 7,285.86 จุด ลดลง 44.11 จุด หรือ -0.60% ดัชนี DAX ของเยอรมนี ปิดที่ 21,205.86 จุด ลดลง 105.16 จุด หรือ -0.49% ขณะที่ ดัชนี FTSE 100 ของตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 8,275.66 จุด เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.061 จุด หรือ +0.00073% แม้ว่าตลาดจะอ่อนตัวในวันพฤหัสบดี แต่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นกว่า 4% สะท้อนถึงแรงสนับสนุนจากความคาดหวังเชิงบวกต่อทิศทางนโยบายของ ECB อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อขายยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากตลาดการเงินในยุโรปเตรียมหยุดทำการติดต่อกันเป็นเวลา 4 วัน เนื่องในวันศุกร์ประเสริฐ (Good Friday) และวันจันทร์อีสเตอร์ (Easter Monday) ระหว่างวันที่ 18-21 เมษายนนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ยังสะท้อนถึงท่าทีผ่อนคลายทางการเงิน (monetary easing) ของ ECB ซึ่งพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน ท่ามกลางความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง