SCB Park

ย้อนรอยข่าวเด่น ระบบดับเพลิง ตึก SCB park ขัดข้อง ปล่อยสาร “ไพโรเจน” สลาย “ออกซิเจน” ตัดลมหายใจ เสียชีวิตกว่า 8 ราย “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจ และคัดเลือกประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นภายในไตรมาส 1/59 เพื่อนำมานำเสนอให้นักลงทุนได้อ่านอีกครั้ง โดยในวันนี้จะนำเสนอเกี่ยวกับประเด็นข่าวที่ทุกคนจะต้องนึกถึง เหตุการณ์ระเบิดสุดระทึกบนตึกธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ เอสซีบี ปาร์ค พลาซ่า หรือ SCB Park โดยกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นในคืนวันที่ 13 มี.ค.59 เวลาประมาณ 21.30 น.สายด่วน 199 ได้รับแจ้งเกิดเหตุมีระเบิดและเกิดเพลิงไหม้ภายในตึก SCB Park สำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ มีผู้บาดเจ็บรวมถึงผู้เสียชีวิตจำนวนมาก กระทั่งในเวลาต่อมา ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการกิจกรรมเพื่อสังคมของ SCB ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพลิงไหม้และไม่ได้เกิดเหตุระเบิดแต่อย่างใด คาดว่าเกิดจากผู้รับเหมาที่เข้าไปปรับปรุงระบบป้องกันอัคคีภัยของอาคาร แล้วได้ไปกระตุ้นให้สารดับเพลิงทำงาน ซึ่งหลักการของแก๊สไพโรเจนจะทำให้ออกซิเจนหมดไปเพื่อดับไฟ จึงทำให้ขาดอากาศหายใจ จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 8 ราย บาดเจ็บ 7 ราย ทั้งนี้ เป็นที่น่าจับตามองอีกว่า ธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัท เมก้า แพลนเน็ต จำกัด ที่เข้ามาติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงในวันเกิดเหตุนั้นจะมีมาตรการในการรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยังมีส่วนคล้ายกับเหตุการณ์เมื่อปีที่แล้ว วันที่ 17 ก.พ.58 ซึ่งได้เกิดเพลิงไหม้ที่บริเวณชั้น 10 ของตัวอาคารสำนักงานใหญ่ SCB เช่นเดียวกัน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 1 ราย พร้อมกระแสข่าวลือหนาหูว่าเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีใหญ่ สจล. สำหรับประเด็นโยงคดี สจล. นั้น ผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือว่า เหตุไฟไหม้เกิดขึ้นในโซน A เป็นอาคาร 34 ชั้น ต้นเพลิงเกิดขึ้นจากชั้น 10 ซึ่งเป็นห้องถ่ายเอกสาร แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ใช่ห้องที่เก็บเอกสารสำคัญ และทางธนาคารไทยพาณิชย์ได้ส่งเอกสารหลักฐานคดีของ สจล. ให้กองปราบปรามก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวแล้ว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 2 ครั้งนั้นทำให้เราฉุกคิดว่า อาคารสำนักงานใหญ่อย่างเช่นตึก SCB Park ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นอาคารอัจฉริยะต้นแบบหลังแรกของไทยนั้น เท็จจริงแล้วมีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน และทางธนาคารไทยพาณิชย์มีมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการหรือบุคลากรอย่างไร รวมทั้งในอนาคตจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกหรือไม่ คำตอบเหล่านี้คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์กันต่อไป