STCE

เดิมทีหุ้นบริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ EE แทบไม่มีความเคลื่อนไหว เทรดกันวันหนึ่งแค่หลักสิบล้านบาท แต่จู่ ๆ เมื่อ 2 วันก่อนก็ร้อนแรงเว่อร์ ราคาปรับขึ้นไป 2.72% ขณะที่มูลค่าการซื้อขายทะลุ 1,300 ล้านบาทเลยทีเดียว... โอ้วแม่เจ้า...เกิดอะไรขึ้นกับหุ้นตัวนี้ละเนี่ย สาเหตุเกิดจากมีการเข้ามาเก็งกำไรจากการเตรียมขายโรงไฟฟ้าหรือเปล่า..? ซึ่งจะทำให้งบไตรมาส 3 ของ EE ปีนี้โป่งพองเป็นพิเศษ เพราะดีลใกล้เข้ามาแล้ว ซึ่งตอนแรกดูเหมือนจะเลื่อน แต่มีเงื่อนไขว่าดีลนี้ต้องจบภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ โดย EE จะขายหุ้น 25% ในบริษัท เอสเอสยูที จำกัด (SSUT) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Cogeneration) มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมสูงสุดประมาณ 240 เมกะวัตต์ (มี 2 หน่วยการผลิต กำลังการผลิตหน่วยละ 120 เมกะวัตต์) และกำลังการผลิตไอน้ำสูงสุดรวม 60 ตันต่อชั่วโมง ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ให้กับบริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP มูลค่ารวม 1,246 ล้านบาท นั่นหมายความว่างบไตรมาส 3 ของ EE จะมีการบันทึกเงินสดจากการขายโรงไฟฟ้าเข้ามาจำนวน 1,246 ล้านบาทแน่นอน...ก็เลยมีการเข้ามาเก็งกำไรอย่างที่เห็น จุดที่น่าสนใจ เมื่อ EE ปิดดีลได้แล้ว...สเต็ปถัดไป EP ก็จะจบกับพันธมิตรอีกรายด้วยเช่นกัน..!! กระบวนการรวบแล้วขายก็จะตามมา... ก่อนหน้านี้ EP กลายเป็นหนุ่มใหญ่เนื้อหอม ส่งสัญญาณมีคนเข้าคิวรอซื้อโรงไฟฟ้าเยอะ หนึ่งในนั้นคือ โรงไฟฟ้าเอสเอสยูที ที่จะซื้อจาก EE... ที่จริง EP ถือหุ้นในโรงไฟฟ้าเอสเอสยูทีอยู่แล้วสัดส่วน 40.96% โดยเป็นการถือทางอ้อมผ่านบริษัทลูก ๆ หลาน ๆ แบ่งเป็นถือผ่านบริษัท APEX, บริษัท STCE และบริษัท TAC ในสัดส่วน 20.96% และถือผ่านบริษัท ทัศน์ศิริ จำกัด (That Siri) อีก 20% ขณะที่ยุทธการรวบแล้วขายของ EP นั้น นอกจากจะซื้อหุ้นเพิ่ม 25% จาก EE แล้ว ยังจะซื้อหุ้นเพิ่ม 15% จากบริษัท คอม-ลิงค์ จำกัด (COM-LINK) มูลค่า 861 ล้านบาทอีกด้วย (แอบกระซิบว่า COM-LINK นี่ก็ไม่ธรรมดา ถ้าไปไล่ดูรายชื่อผู้ถือหุ้น จะพบว่า ตระกูลดังเพียบ ไล่มาตั้งแต่กลุ่มโรจนพฤกษ์ กลุ่มภิรมย์ภักดี กลุ่มสุขศรีวงศ์ กลุ่มเทวกุล กลุ่มล่ำซำ กลุ่มอดิเรกสาร กลุ่มมศรีสอ้าน กลุ่มสารสิน เป็นต้น) นั่นเท่ากับว่า EP จะใช้เงินราว 2,107 ล้านบาท เพื่อรวบหุ้นโรงไฟฟ้าเอสเอสยูทีเพิ่มอีก 40% เข้ามาอยู่ในพอร์ต...และจะส่งผลให้ EP ถือหุ้นในโรงไฟฟ้าเอสเอสยูทีรวมทั้งสิ้น 80.96% ดังนั้น ถ้ากระบวนการแล้วเสร็จ EP ก็สามารถรวมห่อขายโรงไฟฟ้าเอสเอสยูทีให้กับพันธมิตรอีกรายได้สะดวกโยธิน... นี่ก็ได้ข่าวว่า ตอนนี้เนื้อหอมสุด ๆ มีคนมารุมจีบเยอะแยะ มีทั้งบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM และบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV รวมทั้งบุคคลที่ประสงค์จะซื้อ แต่ไม่ประสงค์จะออกนามอีกหลายราย แหม๊...หัวกระไดไม่แห้งเลยนะเนี่ย... ก็น่าจับตาว่า พันธมิตรรายนั้นจะเป็นใคร..? และ EP ฟันกำไรได้มากโขขนาดไหน..? แต่ขึ้นชื่อว่า EP ฉายาพ่อค้าโรงไฟฟ้า บอกได้เลยว่า งานนี้ไม่มีขาดทุนแน่ ๆ...จริงมั้ยคะ “เฮียยุทธ ชินสุภัคกุล”... เอาเป็นว่า เมื่อ EE ปิดจ๊อบ...EP ก็เริ่มเปิดดีลด้วยเหมือนกัน.... เรียกว่า สมประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่... ...อิ อิ อิ...