Tudor Brown

ถือว่า Arm Holdings Ltd. หรือ Arm เป็นหุ้นไอพีโอที่ใหญ่สุดและถูกคาดหวังจากนักลงทุนมากสุดของปีนี้ เข้าซื้อขายวันแรก (14 ก.ย. 66) ในตลาด Nasdaq ด้วยราคาไอพีโอ 51 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดตลาดวันแรก 63.59 ดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าไอพีโอประมาณ 25% ทำให้มูลค่ากิจการเพิ่มขึ้นเป็น 65,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐทันที ส่งผลทำให้หุ้น “โกลด์แมน แซคส์” รับอานิสงส์ปรับขึ้น 2.15% สู่ระดับ 342.18 ดอลลาร์สหรัฐ ในฐานะผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์และรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นไอพีโอ ARM นั่นเอง.. สำหรับ Arm ถือเป็นหนึ่งยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีโลก ก่อตั้งขึ้นปี 1978 โดย Hermann Hauser และ Tudor Brown ดำเนินธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรม “ชิปโปรเซสเซอร์” ผลิตภัณฑ์ Arm มีอยู่ในสมาร์ตโฟนเกือบทุกรุ่นทั่วโลก ไม่ว่าจะ Apple iPhone และอุปกรณ์ Android แม้ชื่อ Arm อาจไม่ปรากฏบนผลิตภัณฑ์ที่เราใช้กัน แต่เทคโนโลยีของ Arm เป็นส่วนสำคัญในการทำงานอย่างยิ่ง.. ปี 2016 Arm ถูก SoftBank Group เข้าซื้อกิจการด้วยมูลค่าประมาณ 32,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การเติบโตและรุกเข้าสู่การแข่งขันอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ถือเป็นการเข้าซื้อกิจการจากต่างประเทศที่ใหญ่สุดโดยบริษัทญี่ปุ่นช่วงเวลานั้น ขณะเดียวกันเป็นการขายกิจการเทคโนโลยีในยุโรปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเช่นกัน ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศ IPO ดังกล่าว SoftBank พยายามที่จะขาย Arm ให้บริษัทชิปยักษ์ใหญ่อย่าง NVIDIA มาก่อนแต่ดีลดังกล่าวต้องเผชิญกับการกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแล ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันและความมั่นคงของชาติ จึงทำให้ SoftBank เปลี่ยนแนวทางด้วยการเลือก ที่จะแยกตัว Arm ออกมาเป็นอิสระ..นั่นจึงทำให้มีการขาย IPO และเข้าตลาดหุ้นแทน สำหรับการเสนอขายหุ้นเพื่อระดมทุนของกลุ่มเทคโนโลยีครั้งนี้ ถือเป็นดีลที่มูลค่าสูงสุดรอบ 9 ปี นับตั้งแต่ปี 2014 ที่ Alibaba เสนอขายด้วยมูลค่า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Arm เป็น IPO ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ที่เคยจัดขึ้นในดัชนี Nasdaq ตามหลัง Facebook ที่ 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2012 และ Rivian Automotive ที่ 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อ 2 ปีช่วงก่อนนี้ ที่สำคัญการเข้าตลาดของ ARM ครั้งนี้ ทำให้ Softbank มีเงินทุนมากเพียงพอ เพื่อการเดินหน้าลงทุนในสตาร์ทอัพด้าน AI ต่อไปในอนาคต หลังจากก่อนหน้านี้ต้องประสบปัญหาขาดทุนจำนวนมากตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา.. บรรดานักวิเคราะห์ ระบุว่า การประสบความสำเร็จของ ARM ครั้งนี้ สร้างบรรยากาศที่เป็นบวกให้กับตลาด เปิดทางให้บริษัทอีกหลายเจ้าที่กำลังสนใจจะเสนอขาย IPO อีกทั้งเป็นสัญญาณการกลับมาของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หลังจากซบเซาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะความสนใจของนักลงทุนด้านเทคโนโลยี ที่ต้องการจับคลื่น AI และชิปเซมิคอนดักเตอร์ โดยช่วงการนำเสนอต่อนักลงทุน ARM มีการประมาณการว่า ตลาดการออกแบบชิป โดยรวมถึงการเติบโตของการออกแบบชิปสำหรับศูนย์ข้อมูลและรถยนต์ จะมีมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2568 ทว่า..เพียงชั่วข้ามคืนสถานการณ์ราคาหุ้น ARM ที่เปิดตัวสวยหรูในวันแรก แต่วันถัดมา (15 ก.ย. 66) ปรับตัวลงมาปิดที่ระดับ 57.75 ดอลลาร์สหรัฐ (จาก 63.59 ดอลลาร์สหรัฐ) และถัดมาวันที่สาม (18 ก.ย. 66) ปรับตัวลงต่อเนื่องมาปิดที่ระดับ 55.92 ดอลลาร์สหรัฐ นั่นจึงทำให้เกิดเซนทิเมนต์เชิงลบต่อบรรยากาศการซื้อขายหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ ในตลาด Nasdaq ปรับลงตามไปด้วย นั่นทำให้ดัชนี Nasdaq ผันผวนตามไปด้วยเช่นกัน ถือว่าการเข้าซื้อขายของหุ้น ARM ครั้งนี้ เขย่าขวัญตลาด Nasdaq ไม่น้อยเลยทีเดียว...!!!