Wongnai

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา LINE MAN Wongnai ประกาศระดมทุนรอบซีรีส์บี มูลค่า 265 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 9,700 ล้านบาท) นำโดยกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสิงคโปร์ (GIC) และ LINE Corporation การระดมทุนรอบนี้มี BRV Capital Management, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR, Bualuang Ventures และ Taiwan Mobile ร่วมลงทุนด้วย หลังการระดมทุนดังกล่าว ทำให้บริษัทมีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 37,000 ล้านบาท) ก้าวขึ้นกลายเป็นยูนิคอร์นรายใหม่และ “เทคสตาร์ตอัพ” ที่ใหญ่สุดของไทย สำหรับเงินระดมทุนจะนำไปเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจส่งอาหาร ขยายไปสู่บริการใหม่ ๆ ขยายทีมงานด้านเทคโนโลยี และยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี บริษัทตั้งเป้าเพิ่มจำนวนพนักงานฝ่ายเทคโนโลยีให้มากกว่า 450 คน ภายในสิ้นปี 2565 โดย LINE MAN Wongnai ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2563 จากการควบรวมระหว่างแพลตฟอร์มออนดีมานด์ LINE MAN และแพลตฟอร์มรีวิวร้านอาหาร Wongnai มีเป้าหมายเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซด้านบริการ (E-commerce Platform for Services) ที่มีนวัตกรรมมากที่สุด ปัจจุบัน LINE MAN Wongnai มีธุรกิจในเครือ 3 กลุ่มหลัก เริ่มจากกลุ่มบริการออนดีมานด์ ให้บริการภายใต้แบรนด์ LINE MAN ครอบคลุมการส่งอาหาร สินค้า เมสเซนเจอร์ และแท็กซี่ โดยธุรกิจส่งอาหารมีอัตราการเติบโตของจำนวนออเดอร์ต่อเดือนมากกว่า 15 เท่า ระหว่างเดือน ม.ค. 63-ส.ค. 65 ถือเป็นบริการส่งอาหารที่เติบโตเร็วสุดในไทย และ LINE MAN ให้บริการครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัดทั่วไทย และมีร้านอาหารบนแพลตฟอร์มกว่า 700,000 ร้าน มากสุดในท้องตลาดเลยก็ว่าได้ ตามด้วยกลุ่มโซลูชั่นสำหรับร้านค้าและร้านอาหาร ที่ Wongnai มีฐานข้อมูลร้านค้าและร้านอาหารมากกว่า 1,000,000 ร้านทั่วประเทศนำมาให้บริการค้นหาข้อมูลร้านอาหารและรีวิวจากผู้ใช้งานจริง รวมทั้งมี Wongnai POS ระบบจัดการร้านอาหารและการขายผ่านเดลิเวอรี่ ถือเป็นผู้นำตลาด POS สำหรับร้านอาหาร และมีผู้ประกอบการร้านอาหารใช้งานมากกว่า 50,000 ร้านด้วยกัน ส่วนกลุ่มธุรกิจเสริมมูลค่า ด้วยฐานผู้ใช้งานเดลิเวอรี่ที่มีทั้งผู้ใช้ ผู้ขับขี่ และร้านอาหารจำนวนมาก นำมาสู่ธุรกิจใหม่ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าในอีโคซิสเต็ม ที่มีทั้งธุรกิจโฆษณาสำหรับร้านอาหารและธุรกิจบริการทางการเงิน ก่อนหน้าประเทศไทยมี “สตาร์ตอัพ” ก้าวขึ้นสู่ “ยูนิคอร์น” มาแล้ว 2 ราย โดยรายแรกคือบริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และอีคอมเมิร์ซครบวงจร ส่วนรายที่สองบริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด (ในเครือแอสเซนด์) ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัล ทั้ง True Money, Ascend Nano, Ascend Assurance และ Ascend Wealth ขณะที่บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (ในเครือบิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป) ให้บริการเพลตฟอร์มเทรดเงินสกุลดิจิทัล เกือบก้าวขึ้นสู่ “ยูนิคอร์น” ได้เช่นกัน แต่หลังจาก SCBX ประกาศล้มดีลเข้าซื้อหุ้นบิทคับ สัดส่วน 51% มูลค่ากว่า 17,850 ล้านบาท ทำให้ความฝันสู่การเป็นยูนิคอร์นต้องสูญสลายไปทันที.. เป็นที่น่าจับตากันต่อว่า “ยูนิคอร์น” รายต่อไปจะเป็นสตาร์ตอัพรายใด..เพราะไม่เพียงแค่ศักยภาพของการทำธุรกิจที่เน้นการเติบโตเร็ว แต่ช่วยต่อยอดให้ธุรกิจอื่น ๆ มีโอกาสสร้างงาน สร้างรายได้ตามไปด้วย..!!