จอมเทียน

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” กล่าวว่า หลังเดินหน้าขยายโครงการที่อยู่อาศัยในทำเลภูเก็ต ตามกลยุทธ์ The New Frontiers จนได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยม และการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ EEC มาแล้ว 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4,770 ล้านบาท ล่าสุด บริษัทเตรียมสานต่อความสำเร็จด้วยการเปิดตัวโครงการเรือธง (Flagship Project) แห่งปี “อควารัส จอมเทียน พัทยา” (Aquarous Jomtien Pattaya) โครงการ Luxurious Staycation Residence แห่งใหม่ใจกลางพัทยา มูลค่ารวมกว่า 5 พันล้านบาท เจาะกลุ่มเป้าหมายคนไทยและคนต่างชาติที่ต้องการซื้อไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ รวมถึงกลุ่มซื้อเพื่อการลงทุน พร้อมตอกย้ำความมั่นใจยอดขายโค้งสุดท้ายดันทะลุเป้าหมาย 1.78 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวของ ASW มีจุดเด่นเรื่องรูปแบบการดีไซน์และฟังก์ชั่น Layout & Spec ห้องที่ทำมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าทั้งอยู่เองและลงทุนได้อย่างครบถ้วน อีกทั้งยังได้รับรางวัลการันตีจาก Property Guru ในสาขา "𝗕𝗲𝘀𝘁 𝗖𝗼𝗻𝗱𝗼 𝗔𝗿𝗰𝗵𝗶𝘁𝗲𝗰𝘁𝘂𝗿𝗮𝗹 𝗗𝗲𝘀𝗶𝗴𝗻 (𝗘𝗮𝘀𝘁𝗲𝗿𝗻 𝗦𝗲𝗮𝗯𝗼𝗮𝗿𝗱) " พร้อมส่วนกลางหลากฟังก์ชันรองรับ All Generations สระว่ายน้ำใหญ่ 4 สไตล์ ชมวิวพัทยาแบบพาโนรามาบนชั้นสูงสุดขณะพักผ่อนและออกกำลังกาย ทำเลดีใกล้หาดจอมเทียน นายกรมเชษฐ์ กล่าวอีกว่า นอกจากเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนไทยแล้ว พัทยากำลังจะกลายเป็น World Destination อีกแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวครบทั้ง Day Life และ Night Life ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ แหล่งชอปปิ้ง แหล่งแฮงเอ้าท์ และกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ที่มีกันทุกเดือน เช่น งานวิ่งมาราธอน งานเทศกาลดนตรี ซึ่งข้อมูลจาก ททท. สำนักงานพัทยา ระบุว่า 6 เดือนแรกปี 67 พื้นที่ชลบุรี-พัทยามีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจาก 6 เดือนแรกของปีที่แล้ว 9.32% และคาดว่าตลอดปี 67 จะมีนักท่องเที่ยวเติบโตขึ้นเป็น 25 ล้านคน โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายที่เป็นไฮซีซั่นท่องเที่ยว จึงเชื่อว่าการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวครั้งนี้จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศ รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มชาวต่างชาติที่ต้องการบ้านพักตากอากาศในพัทยา สำหรับ โครงการ Aquarous Jomtien Pattaya เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 44 และ 47 ชั้น จำนวน 2 อาคาร รวมทั้งสิ้น 606 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 5-3-76.1 ไร่ ใกล้ถนนสุขุมวิทและชายหาดจอมเทียน ห้องพักมีทั้งรูปแบบ 1-Bedroom 34.70-76.40 ตร.ม. ห้อง 2-Bedroom 79.75-141.30 ตร.ม. ห้อง 3-Bedroom 130.10-173.80 ตร.ม. และ Rare Item ห้อง Penthouse 315.90 ตร.ม. อีกหนึ่งจุดเด่นคือ มีส่วนกลางครบครันตอบโจทย์ All Generations อาทิ Aqua Park มอบความสนุกและผ่อนคลายด้วยสระว่ายน้ำขนาดใหญ่มากถึง 4 สระ สวนสีเขียว Kids Club โซนของเล่นสำหรับเด็ก โดยส่วนกลางที่เป็นไฮไลท์ของโครงการ “Double Cloud Facilities” ซึ่งประกอบด้วย Sky Pool, Sky Lounge และ Sky Fitness ที่นอกจากมีอุปกรณ์ครบครันแล้ว ยังมี Yoga Area, Boxing and Circuit Training รองรับการออกกำลังกายได้หลากหลายรูปแบบ พร้อมชมวิวทะเลแบบพาโนรามาบนชั้นสูงสุดของโครงการ รวมถึง Wellness Facilities เพื่อรองรับกลุ่ม Healthy ครบทั้ง Onsen , Steam , Sauna อีกทั้งยังมี Library Lounge , Residence Lounge สำหรับรองรับแขกได้อีกด้วย โดยโครงการได้รับ EIA Approved และเริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว ซึ่งขณะนี้พร้อมเปิดให้ชมห้องตัวอย่างอย่างเป็นทางการ “ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 67 บริษัทสามารถสร้างยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรรวมสะสมทั้งหมด 1.45 หมื่นล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 82% ของเป้าหมายประจำปี เรามั่นใจว่าด้วยกลยุทธ์ The New Frontiers และศักยภาพในการดำเนินงานของเรา จะทำให้ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ASW สามารถทำยอดขายทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.78 หมื่นล้านบาทได้อย่างแน่นอน” นายกรมเชษฐ์ กล่าวเสริม อนึ่ง ASW นั้นดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 68 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA), แบรนด์ ดิ อาเบอร์ (THE ARBOR), แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมถึงแบรนด์ภายใต้ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “TITLE” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ รวมมูลค่ากว่า 9.8 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 52 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 16 โครงการ และ ณ ไตรมาส 2/67 มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 2.36 หมื่นล้านบาท